ก่อนหน้า2/6ถัดไป
บทที่8 เรื่องเชาว์ปัญญา

แบบทดสอบเชาวน์ปัญญาของบิเนต์ที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข และใช้กันอย่างแพร่หลายคือ ฉบับที L.M.Terman แห่ง Stanford University สหรัฐอเมริกา เป็นผู้อำนวยการปรับปรุงเรียกกันว่าแบบทดสอบเชาวน์ปัญญาสแตนฟอร์ด - บิเนต์ (Stanford-Binet Intelligence Test) นักจิตวิทยาได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเชาวน์ปัญญา และได้จำแนกไว้เป็นหลายทฤษฏี
1. ทฤษฎีองค์ประกอบเดียว (Unique factor theory)
ทฤษฏีองค์ประกอบเดียวนี้ จัดว่าเป็นทฤษฏีแรกในเรื่องการวัดเชาวน์ปัญญาของมนุษย์ โดยเชื่อกันว่าเชาวน์ปัญญาของมนุษย์เรานั้นมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน จะแยกจากกันไม่ได้ ซึ่งเป็นลักษณะที่รวมความสามารถ และประสบการณ์ทั้งปวงเข้าไว้ด้วยกันซึ่งแบบทดสอบที่ใช้วัดเชาวน์ปัญญาในลักษณะนี้ ได้แก่ แบบทดสอบของ binet ที่ผลสรุปออกมาเป็นหน่วยเดียวคือ I.Q.
2. ทฤษฏีสององค์ประกอบ (Bifactor Theory หรือ Two factor theory)
2.1 ทฤษฎีเชาวน์ปัญญาทั่วไปของสเปียร์แมน
ทฤษฏีสององค์ประกอบนี้ เกิดจากแนวคิดของ Charles Spearman ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ ทฤษฏีนี้เชื่อว่า เชาวน์ปัญญาของคนเรานั้นมี 2 องค์ประกอบ ด้วยกันคือ
• องค์ประกอบทั่วไป (General Factor)
• องค์ประกอบเฉพาะอย่าง (Specific Factor)
องค์ประกอบทั่วไป หมายถึง ความสามารถพื้นฐานทั่วไปที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนเป็นองค์ประกอบร่วมที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทุกประเภท เช่น ปฏิภาณ ไหวพริบ การสังเกต ฯลฯ
องค์ประกอบเฉพาะอย่าง หมายถึง ความสามารถเฉพาะอย่างซึ่งเกิดขึ้นภายหลัง เป็นผลมาจาก การเรียนรู้ หรือประสบการณ์ เป็นองค์ประกอบที่ใช้เฉพาะในกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ความสามารถทางด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะ เป็นต้น
2.2 ทฤษฎีเชาวน์ปัญญาของแคทเทล
- Fluid Intelligence หมายถึง เชาวน์ปัญญาที่มีมาแต่เดิม เป็นส่วนที่อิสระจากการศึกษา และประสบการณ์ เป็นเชาวน์ปัญญาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสภาวะทางร่างกาย
- Crystallized Intelligence หมายถึง เชาวน์ปัญญาที่เกิดขึ้นในภายหลัง เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมประสบการณ์ และการเรียนรู้
3. ทฤษฎีหลายองค์ประกอบ (Multiple factor theory) กลุ่มความคิดตามทฤษฏีนี้เชื่อว่า เชาวน์ปัญญาของมนุษย์ในแต่ละด้านแต่ละอย่างแตกต่างกันออกไป หรือเชาวน์ปัญญาของมนุษย์เรานั้นประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ หลายด้าน เช่น ความสามารถในการคำนวณ การใช้ภาษา การคิดหาเหตุผล เป็นต้น ทุกคนมีความสามารถในแต่ละด้านแตกต่างกันออกไป ใครมีความสามารถทางด้านใดมากก็ถือว่ามีความถนัดทางด้านนั้นและ มีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จในด้านนั้นมากกว่า
3.1 ทฤษฎีของธอร์นไดค์
Thorndike นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ซึ่งเชื่อว่าสติปัญญาเกิดจากความสามารถเฉพาะหลาย ๆ อย่าง มารวมกันเข้าด้วยกันคือ
1. Abstract Intelligence หมายถึง ความสามารถในการคิดเป็นนามธรรม สัญลักษณ์ต่าง ๆ วิเคราะห์สิ่งที่เป็นนามตามธรรมชาติ ศึกษาหาความรู้เรื่องราวต่าง ๆ เชาวน์ปัญญาชนิดนี้จำเป็นสำหรับการเรียนการสอน เป็นลักษณะของการใช้ความรู้และสติปัญญา
2. Mechanical Intelligence คือ ความสามารถด้านเครื่องจักรกล และการใช้มืออย่างคล่องแคล่ว เชาวน์ปัญญาชนิดนี้จำเป็นสำหรับการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม การเย็บปักถักร้อย งานบ้าน งานครัว
3. Social Intelligence คือ ความสามารถในด้านการปรับตัวให้เข้ากับสังคม และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเหมาะสมและมีความสุข สามารถปรับอารมณ์และจิตใจให้เข้ากับผู้คน และสิ่งแวดล้อมได้โดยง่าย เชาวน์ปัญญาชนิดนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคนในการดำเนินชีวิต

website templates.